เมนู

แน่แท้" ฉันใด พระขีณาสพพอได้ยินว่า "พระภิกษุชื่อโน้น บรรลุพระ-
อรหัตแล้ว" เพราะความเป็นพระอรหัต 2 ครั้งไม่มี ท่านจึงมิได้มีความคิด
อย่างนี้ว่า "แม้เราก็จะพึงบรรลุพระอรหัต เหมือนพระภิกษุนั้นโดยแน่แท้"
ฉันนั้นนั่นเทียว.
ข้อว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ คือ ผู้เห็นปานนี้ ท่านเรียก
ว่า วิคตาโส คือ ผู้ปราศจากความหวัง เพราะท่านปราศจากความหวังใน
ความเป็นพระอรหัต.

บรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลเปรียบด้วยคนไข้ 3 จำพวก
เป็นไฉน ?

[85]

คนไข้ 3 จำพวก.


1. คนไข้บางคนในโลกนี้ ได้โภชนะเป็นที่สบายหรือไม่ได้โภชนะ
เป็นที่สบาย ได้เภสัชเป็นที่สบายหรือไม่ได้เภสัชเป็นที่สบาย ได้อุปัฏฐาก
สมควรหรือไม่ได้อุปัฏฐากสมควร ก็ย่อมไม่หายจากอาพาธนั้นเลย.
2. ส่วนคนไข้บางคนในโลกนี้ ได้โภชนะเป็นที่สบาย หรือไม่ได้
โภชนะเป็นที่สบาย ได้เภสัชที่สบายหรือไม่ได้เภสัชที่สบาย ได้อุปัฏฐากที่สมควร
หรือไม่ได้อุปัฏฐากที่สมควรก็ย่อมหายจากอาพาธนั้น.
3. ส่วนคนไข้บางคนในโลกนี้ ได้โภชนะเป็นที่สบาย ก็หายจาก
อาพาธนั้น ไม่ได้ก็ไม่หายจากอาพาธนั้น ได้เภสัชเป็นที่สบาย ก็หายจากอาพาธ
นั้น ไม่ได้ก็ไม่หายจากอาพาธนั้น ได้อุปัฏฐากที่สมควร ก็หายจากอาพาธนั้น
ไม่ไดก็ไม่หายจากอาพาธนั้น.

ในคนไข้ 3 จำพวกนั้น คนไข้นี้ใด ได้โภชนะเป็นที่สบายก็หายจาก
อาพาธนั้น ไม่ได้ก็ไม่หายจากอาพาธนั้น ได้เภสัชเป็นที่สบายก็หายจากอาพาธ
นั้น ไม่ได้ก็ไม่หายจากอาพาธนั้น ได้อุปัฏฐากสมควรก็หายจากอาพาธนั้น
ไม่ได้ก็ไม่หายจากอาพาธนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอาศัยคนไข้จำพวกนี้จึงได้
ทรงอนุญาตคิลานภัต อนุญาตคิลานเภสัช อนุญาตคิลานอุปัฏฐากไว้ ก็แหละ
เพราะอาศัยคนไข้จำพวกนี้ คนไข้แม้เหล่าอื่นอันภิกษุทั้งหลายก็ควรบำรุง.

[86] บุคคลเปรียบด้วยคนไข้ 3 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก
ฉันนั้นเหมือนกัน
บุคคลเปรียบด้วยคนไข้ 3 จำพวก เป็นไฉน ?
1. บุคคลบางคนในโลกนี้ ได้เห็นพระตถาคต หรือไม่ได้เห็นพระ-
ตถาคต ได้ฟังธรรมวินัยอันพระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังธรรมวินัย
อันพระตถาคตประกาศแล้ว ก็ย่อมไม่หยั่งลงสู่นิยามอันถูกต้องในกุศลธรรม
ทั้งหลาย
2. ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ได้เห็นพระตถาคต หรือไม่ได้เห็น
พระตถาคต ได้ฟังธรรมวินัยอันพระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังธรรม
วินัยอันพระตถาคตประกาศแล้ว ก็ย่อมก้าวลงสู่นิยามอันถูกต้องในกุศลธรรม
ทั้งหลายได้.
3. ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ได้เห็นพระตถาคต ย่อมก้าวลงสู่
นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลายได้ เมื่อไม่ได้ ก็ย่อมไม่ก้าวลงสู่นิยาม
อันถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย เมื่อฟังธรรมวินัยอันพระตถาคตประกาศแล้ว
ย่อมก้าวลงสู่นิยามอันถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย เมื่อไม่ได้ ย่อมไม่ก้าว
ลงสู่นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลาย.

บรรดาบุคคล 3 จำพวกนั้น บุคคลใดได้เห็นพระตถาคต ย่อมก้าว
ลงสู่นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลายได้ เมื่อไม่ได้ ย่อมไม่ก้าวลงสู่
นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลาย ได้ฟังธรรมวินัยอันพระตถาคตประกาศ
แล้วย่อมก้าวลงสู่นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลายได้ เมื่อไม่ได้ ก็ย่อม
ไม่ก้าวลงสู่นิยามอันถูกต้อง ในกุศลธรรมทั้งหลาย สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงอนุญาตพระธรรมเทศนาไว้ เพราะอาศัยบุคคลจำพวกนี้ ก็แหลเพราะ
อาศัยบุคคลนี้ภิกษุทั้งหลายจึงแสดงธรรมแก่บุคคล แม้เหล่าอื่น ๆ บุคคลเปรียบ
ด้วยคนไข้ 3 จำพวกเหล่านี้ ย่อมมีปรากฏอยู่ในโลก.

อรรถกถาคิลานูปมบุคคลเป็นต้น


ชนเหล่านั้น ท่านเรียกว่า คิลานูปมา คือ ผู้เปรียบด้วยคนไข้ ด้วย
อุปมาใดเพื่อจะแสดงอุปมานั้นก่อน ท่านจึงกล่าวคำเป็นต้นว่า "ตโย คิลานา"
ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า " สปฺปายานิ " ได้แก่ อันเป็นประโยชน์
เกื้อกูล คือ กระทำให้เจริญ บทว่า "ปฏิรูปํ" ได้แก่อันเหมาะสม. ด้วยคำว่า
" เนว วุฏฺฐาติ ตมฺหา อาพาธา " พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสถึงบุคคลผู้
เป็นไข้ที่ถึงที่สุดแล้ว ที่ประกอบด้วยโรคทั้งหลายมีโรคลม และโรคลมบ้าหมู
เป็นต้น ที่แก้ไขไม่ได้. ด้วยคำนี้ว่า "วุฏิฐาติ ตมฺหา อาพาธา" พระองค์
ตรัสถึงอาพาธเล็กน้อย อันต่างด้วยโรคทั้งหลาย มีโรคจาม โรคหิดเปื่อย
โรคตกกระ โรคฝี และโรคชรา เป็นต้น. ก็ความผาสุกของชนเหล่าใดย่อม
มีได้ด้วยการปฏิบัติ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงบุคคลผู้อาพาธเหล่านั้นแม้
ทั้งหมดด้วยคำนี้ว่า ลภนฺโต สปฺปายานิ โน อลภนฺโต.